วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข้าวผัดหมู

สูตรข้าวผัดหมู และวิธีผัดข้าวให้อร่อย
สูตรอาหารไทย ข้าวผัดหมู เมนูอาหารนี้อาจฟังดูเป็นอาหารพื้นๆ แต่คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจะหาข้าวผัดหมูอร่อยๆถูกใจนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ปกติแล้วมักจะเจอแบบพอกินได้เท่านั้น ทั้งที่วิธีทำข้าวผัดหมูนั้นสามารถทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากเลย แต่ทำไมความอร่อยและน่าทานจึงแตกต่างกัน คุณอยากรู้ไหม? …เคล็ดลับของข้าวผัดหมูนั้นอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ปรุง ว่าจะเพิ่มเสริมรสอย่างไรให้ถูกใจถูกปากผู้บริโภค และที่สำคัญข้าวผัดจะต้องแห้งหมาด รสชาติเข้มข้น สีสันสวยงาม และสิ่งหนึ่งที่ชวนให้รับประทานนั้น ได้มาจากผักและเครื่องปรุงที่เสริมลงไป นอกจากแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแล้วยังให้รสชาติเลิศถูกอดถูกใจได้ไม่ยากอีกด้วย


เครื่องปรุง
  1. ข้าวสวย (ไม่แฉะ) ¾ ถ้วยตวง
  2. หมูสับ 50 กรัม
  3. หมูแฮมหั่นเป็นเส้นฝอย 1 แผ่น
  4. หมูยอหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
  5. กระเทียมสับ 8 กลีบ
  6. แครอทหั่นเป็นเส้นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
  7. มะเขือเทศผ่าตามยาว 1 ลูก
  8. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  10. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
  12. ซอสปรุงรสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
  13. มะนาว 1 ซีก
  14. แตงกวา ต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น
(ถ้าบางอย่างไม่มีไม่เป็นไรครับ ใส่อย่างอื่นแทนได้ หรือถ้ามีแค่ข้าวกะไข่ ก็พอกล้อมแกล้มได้เหมือนกัน)

วิธีทำ
1. เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปพอเริ่มร้อนใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลือง
2. จากนั้นจึงใส่หมูสับลงไปผัดพอสุกตามด้วยหมูแฮมและหมูยอลงไปผัด
3. เสร็จแล้วใส่ข้าวสวยลงผัดให้ส่วนผสมเข้ากันจึงใส่แครอทและมะเขือเทศลงไปผัด ปรุงด้วยซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาวผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน จากนั้นใช้ตะหลิวดันข้าวผัดขึ้นไปอยู่ข้างๆกระทะ เว้นที่ก้นกระทะไว้ตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวตีไข่ให้แตก จากนั้นตักข้าวที่อยู่ข้างกระทะกลบทับไข่ไว้ รอจนไข่สุกแล้วจึงช้อนกลับให้ไข่อยู่ด้านบน ใส่น้ำมันหอยลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน จัดเรียงแตงกวาและมะนาวไว้ข้างๆจานเสิร์ฟได้ทันที

เคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดให้อร่อย
  • สิ่งสำคัญ ข้าวสวยที่ใช้ผัดต้องไม่แฉะ นอกจากนี้ เมื่อข้าวสุกใหม่ร้อนๆ ควรเกลี่ยใส่ถาด ให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัด ข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน
  • น้ำมันไม่ควรใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้แฉะและเลี่ยน ไม่น่ากิน
  • ต้องใช้ไฟกลางในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์ผัดจนสุกก่อน จึงใส่ข้าวผัดให้ทั่ว ถ้าข้าวผัดชนิดใดมีส่วนผสมของไข่ต้องใส่ไข่ทีหลังข้าวพอผัดข้าวจนทั่วเกลี่ยข้าวไว้อีกด้าน หนึ่งต่อยไข่ใส่กลบข้าวบนไข่พอสุกจึงค่อยผัดไข่ ในขั้นตอนนี้ต้องผัดเร็วๆ ไข่จะเกาะเม็ดข้าวดี และไม่แฉะ เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ในกรณีที่เป็นข้าวผัดที่นำน้ำพริกมาประยุกต์ คลุกน้ำพริกกับข้าวให้ทั่วก่อน จึงค่อยผัดทีหลังจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี
  • “กระทะ” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ “ตะหลิว” ก็เช่นกันต้องเลือกด้ามที่ติดแน่น ทนความร้อน
  • พวกผักต่างๆนั้น ควรหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือชิ้นเล็กๆ จะช่วยทำให้ข้าวผัดอร่อยกว่าใส่ชิ้นใหญ่ เช่น หอมใหญ่ คะน้า แครอท มะเขือเทศ ต้มหอม หั่นชิ้นเล็ก

ข้าวผัดปลากระป๋อง

ข้าวผัดปลากระป๋อง เมนูอาหารง่ายๆ อร่อยได้อีก
เมนูอาหารง่ายๆ ข้าวผัดปลากระป๋องเป็นข้าวผัดยามยากอีกจานที่ทำได้ง่ายและอร่อย หรือแม้แต่จะนำไปแปลงเป็นเมนูเด็ดผัดขี้เมา หรือเป็นผัดกระเพราะก็ยังได้ ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ยังไม่เคยทานข้าวผัดปลากระป๋องมาก่อน รีบลองเข้าครัวไปทำทานซะนะ เพราะข้าวผัดปลากระป๋องนี้เป็นอีกเมนูอาหารง่ายๆ และวัตถุดิบก็หาง่าย ประมาณว่าถ้าคุณรื้อในครัวดูแล้วมีแค่ปลากระป๋องกับข้าวสุกอยู่บ้าง เพียงแค่นี้ก็สามารถทำข้าวผัดปลากระป๋องได้แล้วล่ะ และถ้ามีผักอะไรที่พอเหลืออยู่ก็สามารถเอามาใส่ได้หมดแหล่ะ จะได้อร่อยและน่าทานยิ่งขึ้น…แล้วคุณจะค้นพบของกินอร่อยใกล้ตัวที่ทำง่ายถูกปากถูกใจอีกจาน


เครื่องปรุง
ข้าววสุก 2 ถ้วยตวง
ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง
มะเขือเทศหั่นชิ้น ¼ ถ้วยตวง
หอมหัวใหญ่หั่น ¼ ถ้วยตวง
แครอทหั่นเล็ก ¼ ถ้วยตวง
ถั่วลันเตาเม็ด ¼ ถ้วยตวง
ผักมอคเคอรี่หั่น ¼ ถ้วยตวง
ข้าวโพดอ่อนหั่น ¼ ถ้ยตวง
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ (ดับกลิ่นคาวปลา)
พริกชี้ฟ้าสับ 1 – 2 ช้อนชา (ดับกลิ่นคาวปลา)
น้ำตาล ¼ ถ้วยตวง
เกลือ ½ ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องเคียง : ผักชีโรยหน้า ต้นหอม แตงกวาหั่น มะนาวฝาน พริกขี้หนูหั่นฝอย

วิธีทำ
1. นำข้าวสุกคลุกกับปลากระป๋อง
2. ยกกระทะขึ้นตั้งบนเตาไฟ จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปก่อน เมื่อน้ำมันร้อนให้ใส่กระเทียมสับและลงพริกไป แล้วเจียวจนเหลืองหอมด้วยไฟปานกลาง
3. พอเริ่มมีกลิ่นหอม ใส่หอมหัวใหญ่ เม็ดถั่วลันเตา แครอท หรือผักต่างๆตามแต่ชอบลงไปเลย แล้วผัดไม่ต้องนานพอแค่ผักสลด
4. จากนั้น เอาข้าวที่ร่วนแล้วไม่ติดกัน (จากข้อ1) ใส่ลงไปอีก แล้วผัดพอร้อนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือเล็กน้อย ผัดคลุกเคล้าไปมาเบาๆ จากนั้นตักใส่จานโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น เสิร์ฟพร้อมแตงกวา ผักชี ต้นหอม และมะนาวฝาน ถ้าชอบเผ็ดอาจมีพริกขี้หนูหั่นฝอยประกอบไปด้วยก็ได้
(สำหรับส์ฟรับประทาน 2 ที่)

แนะนำเพิ่มเติม
  • การเลือกซื้อปลากระป๋อง ควรเลือกปลากระป๋องชนิดบรรจุในน้ำ เนื่องจากน้ำกับไขมันผสมเข้ากันไม่ได้ กรอดไขมันโอเมก้า 3 จึงจะยังถูกเก็บรักษาอยู่ในเนื้อปลาอย่างครบถ้วน แต่ถ้าเป็นปลากระป๋องแบบ บรรจุในน้ำมัน กรดไขมันจะไหลออกมาปะปนกับน้ำมันที่ใช้บรรจุทำให้สูญเสียกรดไขมันบางส่วนไป ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • สำหรับการปรุงรสเค็มนั้น เราจะใช้เป็นเกลือป่นแทนน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะทำให้เหม็นคาว

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรอาหารไทยอีกเมนูอาหารรสเลิศที่มีรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่ใครได้ลองชิมแล้วต้องถูกปากถูกใจ ต้องหามาทานกันใหม่ จนเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์จานนี้…จริงๆแล้ว เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ ใช้เวลาทำน้อย แถมเครื่องปรุงวัตถุดิบก็ยังหาง่ายอีกต่างหาก แต่ถ้าลองเราไปสั่งทานตามร้านอาหารนอกบ้าน ก็มีราคาแพงพอสมควรเลยล่ะ วันนี้เราจึงนำสูตรไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์มาฝากครับ ทั้งอร่อยรสเด็ดและทำง่ายจะต้องไปเสียเงินทานนอกบ้านทำไม หิวตอนไหนก็ลุกขึ้นเข้าครัว เสิร์ฟทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ…อร่อยจุงเบย


ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม
สันในไก่หรืออกไก่ 1 ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย (หรือแป้งทอดกรอบก็ได้…แต่อาจจะกรอบไป)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยพูน (ปริมาณเพิ่มลด ตามชอบ)
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้งหั่น 3/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่น (เป็นชิ้นยาวๆประมาณ 1 นิ้ว) 3/4 ถ้วย
เห็ดฟาง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
แห้วต้มสุกหรือแห้วกระป๋อง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)


เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเพิ่มรสได้ ตามชอบ)
น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นแฉลบให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆให้พร้อม ดังนี้
  • กระเทียบปอกปลือก ทุบ และสับหยาบ
  • นำเห็ดฟางหรือแห้วมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วถ้าเป็นเห็ดฟางก็ให้ผ่าครึ่งเตรียมไว้ ส่วนถ้าใช้แห้วก็ให้ผ่าเป็น 2 หรือ 4 ส่วน แล้วแต่ขนาด
  • ต้นหอม ตัดรากทิ้ง นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • หอมหัวใหญ่ นำมาปอกเปลือก นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดกลาง
  • ให้ต้มแห้วจนสุก (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) คือให้ต้มน้ำจนเดือดแล้วนำแห้วลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 5 นาที) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้
  • พริกแห้ง ถ้ามีขั้วเด็ดทิ้งไป แล้วหั่นพริกแห้งเป็น 2 ส่วน (เป็นท่อนสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดแตก ถ้าชอบเผ็ดพริกมากหักให้ละเอียดหน่อย)
  • เอาเครื่องปรุงรสทั้งหมดผสมรวมกันในชามหรือถ้วย เพื่อง่ายต่อการหยิบจับไม่ต้องเสียเวลาผัดไปปรุงไป (หรือบางท่านอาจจะรอปรุงขณะผัดทีเดียวก็ได้) เครื่องปรุงรสได้แก่ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย ใส่ในถ้วยแล้วคนๆผสมให้มันเข้ากันไว้ก่อน


3. เอาไก่คลุกแป้ง เริ่มจากใส่ซีอิ๊วขาวผสมลงไปบนไก่นิดหน่อย (ประมาณ 1-2 ช้อนชา) คลุกคล้าให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำเนื้อไก่ไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ (บางๆไม่ต้องหนา) จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเหลือง (ทอดให้ผิวตึงๆ ก็พอ ไม่ต้องสุกมาก เพราะเดี๋ยวเราจะเอาไปผัดอีก) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน



4. ทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยไฟอ่อนถึงไฟกลาง ทอดเล็กน้อยพอเหลือง (ระวังไหม้) จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษเพื่อซับมัน (ถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้เม็ดมะม่วงฯ ไหม้ได้ และข้างในจะไม่สุก)
  • จากนั้นก็นำพริกแห้งลงไปทอดต่อด้วยไฟอ่อน จนพริกแห้งหอม เม็ดจะพองๆ (ระวังไหม้) แล้วช้อนขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. เทน้ำมันที่ทอดของเก็บไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปนิดหน่อยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง พอน้ำมันอุ่นแล้วให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอมเหลือง ตามด้วยหอมหัวใหญ่ลงไปผัด…จนเริ่มใส แล้วเอาเครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเคี่ยวในกระทะให้งวดหน่อยๆคลุกเคล้าใหข้ากัน
6. จากนั้นใส่เนื้อไก่และพริกแห้งทอดลงไปคลุกเลย…กลิ้งไปกลิ้งมาผัด ๆ เร็ว ๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยใส่เม็ดมะม่วง ต้นหอม หรือผักอื่นๆ ตามลำดับ (ซอสจะเหือดแห้งลงและเดือด) ชิมรสชาติแล้วปรุงรสเพิ่มได้ถ้าไม่ถูกใจ รสชาติที่ปรุงได้ควรจะออกรสเค็มหวานครับ…ไม่ใช่หวานเค็ม (ถ้าน้ำเหือดแห้งมากเติมน้ำสะอาดได้ 1-3 ช้อนโต๊ะครับ) ผัดต่อให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที คลุกกเคล้าให้เข้ากัน จึงปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมเสริฟได้แล้ว

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรไม่ใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม (สูตรครัวบ้านพิมพ์)
อกไก่ 300 กรัม
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
เกลือป่นธรรมดา ¼ ช้อนชา
***เอาอกไก่ พริกไทยป่น และเกลือป่น มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10 นาที***

แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/2 ถ้วย (จะใส่มากน้อยนี้…แล้วแต่ชอบเลย)
ต้นหอม 2 ต้น
พริกขี้หนูแห้ง 5-10 เม็ด (ตามชอบ ชอบเผ็ดมากใส่มาก)
เห็ดฟางดอกตูมๆ 7 ดอกกลาง
พริกชี้ฟ้าสีแดง 2 เม็ด
กระเทียมไทย 1 หัว

เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ¼ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
***เอามาผสมลงไว้ไนถ้วยจะได้ง่ายต่อการหยิบจับ***

วิธีทำ : ก็ไม่ยากเลย ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนวิธีทำสูตรที่ 1 ได้อธิบายไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว…ลองทำตามดูนะครับ


แนะนำเพิ่มเติม
  • ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีหลายสูตร มีทั้งแบบที่นำไก่ไปทอดก่อนพอข้างนอกตึง…หรือไม่ทอดผัดเลย แบบใส่น้ำพริกเผาหรือไม่ใส่…แล้วแต่จะชอบ ถ้าใส่น้ำพริกเผาก็อย่ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไก่ผัดน้ำพริกเผาแทนไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
  • แนะนำวิธีเลือกเนื้อไก่ เลือกตามแบบที่ชอบเลยครับ ดังนี้
ถ้าชอบเนื้อแบบร่วนๆ แข็งๆ ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนหน้าอก เลาะหนังออก
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ มีมันน้อย ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนสันใน
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ แบบมีมันแทรก ให้ใช้เนื้อน่องหรือสะโพก เลาะหนังออก
  • มะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วชนิดหนึ่ง ซื้อมาแล้วถ้าอยากเก็บให้ได้นานโดยไม่หืนควรแช่ตู้เย็น

"ก๋วยจั๊บน้ำข้น"


"ก๋วยจั๊บน้ำข้น" อีกเมนูอาหารจานเดียวที่อร่อยเด็ดและได้คุณค่าทางอาหารอย่างครบถ้วนในจานเดียว เอกลักษณ์ของก๊วยจั๊บน้ำข้นนั้นอยู่ที่เครื่องมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมูกรอบ ไส้หมู ตับหมู ปอดหมู เต้าหู้ทอด ไข่ต้ม ปอด และหนังหมู และก๋วยจั๊บก็เป็นเช่นเดียวกับก๋วยเตี๋ยว...เครื่องปรุง
  1. เส้นก๋วยจั๊บ 1 กิโลกรัม
  2. ตับหมู ½ กิโลกรัม
  3. ไส้ใหญ่หมู ½ กิโลกรัม
  4. ปอดหมู 2 พวง
  5. หนังหมู ½ กิโลกรัม
  6. เต้าหู้ทอด 2 พวง
  7. หมูกรอบชิ้นยาว 2 ชิ้น
  8. พริกไทยขาวเป็นเม็ด 30 เม็ด
  9. แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ
  10. ไข่ต้ม 20 ฟอง
  11. กระเทียมบุบ 6 หัว
  12. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  13. เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
  14. ซ๊อิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  15. ซิ๊วดำ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ก่อนอื่นให้เตรียมเส้นก๋วยจั๊บก่อน โดยการนำเส้นก๊วยจั๊บมาต้มกับน้ำซุปจนกระทั่งเส้นนิ่มได้ที่แล้วให้นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายกับน้ำใส่ลงเคี่ยวในหม้อให้ข้นแต่อย่าให้เหนียว ปิดไฟพักไว้
2. จากนั้นหันมาทำน้ำพะโล้ด้วยการต้มน้ำ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวสักครู่พอให้หวานน้ำต้มกระดูกหมู จากนั้นให้ใส่โป๊ยกั๊ก รากผักชี อบเชย พริกไทยเม็ด กระเทียมบุบพอแหลก เกลือ น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ตามด้วยเครื่องในหมู ได้แก่ ตับหมู ปอดหมู หนังหมู และไข่ต้มลงไป เคี่ยวต่อไปด้วยไฟอ่อน รอจนตับหมูเริ่มสุกให้ตักขึ้นมาก่อน เนื่องจากตับจะเป็นส่วนที่สุกเร็วที่สุด นอกนั้นให้เคี่ยวต่อไปจนเปื่อยแล้วจึงค่อยตักขึ้นมาใส่ในภาชนะเตรียมขาย หรือจะนำใส่ในตะแกรงโลหะแขวนไว้บนหม้อต้มให้ได้รับความร้อนตลอดเวลาก็ได้เพียงเท่านี้ก็ได้ก๋วยจั๊บรสเด็ดแล้ว

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน

วันที 1
  • เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
  • กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
  • เย็น สลัดผัก
วันที 2
  • เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
  • กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
  • เย็น สลัดผัก
วันที 3
  • เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
  • กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม(หมู, เนื้อ)
  • เย็น สลัดผัก
วันที 4
  • เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
  • กลางวัน สลัดผัก และไก่ยาง 1 ชิ้น
  • เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที 5
  • เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1
  • กลางวัน ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
  • เย็น สลัดผัก
วันที 6
  • เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
  • กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
  • เย็น สลัดผัก
วันที 7
  • เช้า ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1ฟอง
  • กลางวัน เกาเหลาลูกชั้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
  • เย็น สับปะรด 1 ชิ้น
***หลายคนเข้ามาดูกระทู้นี้แล้วนำสูตรไปใช้ตาม ปรากฎว่าได้ผลกันเป็นแถวๆอย่างไม่น่าเชื่อ บางคนก็ลดได้น้อย บางคนก็ลดได้มาก ขึ้นอยู่กับความพยายาม และนี่คือตัวอย่างของคนที่สามารถลดน้ำหนักได้จากสูตรนี้
ตุ๊ก กชพรรณ
ตุ๊ก กชพรรณ
116798442
116798446116798447116798448

สูตรลดน้ำหนัก 3 วัน

วันที่ 1
  • อาหารเช้า ด้วย น้ำส้ม (หรือชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาลสำหรับคนที่ชอบทานตอนเช้า) หรือ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน ผลไม้ 1 อย่าง
  • อาหารกลางวัน เริ่มที่ น้ำส้ม หรือ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น ปลานึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน และ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
  • อาหารเย็น น้ำส้ม ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน เนื้อไม่ติดมัน ย่างหรือนึ่ง ห้ามใช้น้ำมัน
วันที่ 2
  • อาหารเช้า น้ำส้ม นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc) ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่นไข่ต้ม 1 ฟอง ผลไม้
  • อาหารกลางวัน น้ำส้ม ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น ผัก ต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน ผลไม้
  • อาหารเย็น น้ำส้ม นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc) ปลานึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน ผัก ต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน
วันที่ 3
  • อาหารเช้า น้ำส้ม นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc) ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น ผลไม้ โยเกิร์ต ส่วน
  • อาหารกลางวัน น้ำส้ม ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟองผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน
  • อาหารเย็น น้ำส้ม นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc) ปลา/เนื้อนึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน
“สูตรนี้มันลงจริง เป็นสูตรของคนอื่น ตอนแรกก็ไม่เชื่อนะว่าจะทำให้น้ำหนักลงจริง แต่ภายใน3วัน ก็ทำให้เราเห็นผล ช่วงแรกทรมานมากเพราะหิว แต่พอทำๆไป ก็ชิน ตอนแรกอ้วนมาก 75 กก. ลงเหลือ 71 กก. ลงไปแล้ว 4 กก. แค่ 3 วัน ตอนนี้กำลังจะลงไปอีก กะให้แตะเลข 6 ซึ่งไม่ต้องไปพึ่งยาลดความอ้วนเลย”
ตุ๊ก –กชพรรณ กล่าว

You are what you eat ! กินอะไรก็ได้อย่างนั้น

รีวิว สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน เห็นผลจริงอย่างไม่น่าเชื่อ !!
116798432
จากคนที่น้ำหนัก 75 ลดลงมาเหลือ 65 (ผมทำได้ คุณก็ทำได้)แล้วก็มีรูปหลังจากที่ใช้สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน+ออกกำลังกายด้วยครับ ดังนี้
112284676

ลดความอ้วนไม่พึ่งยา สูตรธรรมชาติ 3 วันลง 4 กก

เราเชื่อว่า คงไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากมีหุ่นผอมเพรียว เพราะฉะนั้นหลายคนจึงตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งอดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งวิธีการเหล่านี้ล้วนสร้างความลำบากให้สาวๆ ไม่น้อย
แต่ความจริงๆ ยังมีอีกหลายวิธีที่ลดน้ำหนักได้ง่ายๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว หากคุณเข้มงวดกับตัวเอง และเอาจริงเอาจัง การลดความอ้วนแบบไม่ต้องพึ่งยาให้เสียสุขภาพและเสียเงินทองโดยใช่เหตุ ซึ่งยาลดความอ้วนปัจจุบันทาง คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็ออกมาเตือนมากมายว่าอันตรายและไม่ควรไปซื้อมาทานเด็ดขาด บางสินค้าก็ใช้พรีเซนเตอร์ที่โฆษณาเกินจริง แถมยังหัวใสหลอกผู้บริโภคด้วยการโฆษณาแบบศรีธนญชัยอีกด้วย
ทั้งนี้ ตุ๊ก กชพรรณ อนันต์ชล แม่บ้านลูก 3 คนที่ใช้สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน: สามารถลดน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม ภายใน 3 วัน กล่าวว่า ได้เข้าไปดูในเว็บไซต์แห่งนึงได้เขียนสูตรไว้ ตนจึงนำเอามาทำตามบ้าง โดยสูตรนี้ได้ระบุว่า สูตรควบคุมน้ำหนักนี้ทำเพื่อให้รสชาติอาหารถูกปากคนไทยอย่างเราค่ะ โดยรับประทาน 3 วันต่อ เนื่องเช่นกัน จากนั้นจะหยุดมารับประทานตามปกติ แล้วค่อยมาเริ่ม 3 วันต่อเนื่องใหม่ อีกสักรอบสองรอบตามที่ต้องการก็ไม่มีปัญหา ซึ่งจะเป็นการปรับกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลงด้วย
176171

ข้อความโดนๆ

ตายแล้วไปไหน

ถามแม่ว่า…
คนเราตายแล้วไปไหน
แม่บอกว่า ตายแล้ว
เราจะไปอยู่ในความทรงจำ
ของคนที่รักเรา

คนรวย…คือคนที่มีเงิน?

คนรวย…คือคนที่มีเงิน
สามารถเลี้ยงดูตนเอง และพ่อแม่
ให้อยู่สบายได้
ไม่ใช่…คนที่เอาเงินพ่อแม่
ที่หาอย่างลำบากมาใช้
แล้วบอกว่า….ตัวเองรวย

ในที่ๆมีแต่ความเงียบ

ในที่ ที่มีแต่ ความเงียบ
ใช่ว่าจะมี ความเหงา เสมอไป
เพราะในที่ ที่มี คนมากมาย
ก็มี ความเหงา ได้ เช่นกัน

เนื้อคู่เป็นคนต่างชาติ

เค้าบอกเนื้อคู่เรา เป็นคนต่างชาติ
…..เราอยู่ชาตินี้…..เค้าอยู่ชาติหน้า

มีเมียเยอะ ก็หาว่าเจ้าชู้

มี “เมียเยอะ” ก็หาว่าเจ้าชู้
พอมี “เมียน้อย” ก็หาว่าเจ้าชู้อีก
เฮ้ออออออ ทำตัวลำบาก


อ่านต่อ: http://www.klonthai.com/category/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%86#ixzz0vBjGgl9M

กลอนน่ารัก

อนาคตประเทศไทย

ไม่รู้ว่า….อนาคตประเทศไทย…อยู่ที่ใคร
รู้แต่ว่า…อนาคตของหัวใจ…อยู่ที่เธอ

ไขกุญแจหัวใจ

เคยหวาดกลัวกับความรักที่ผ่านมา
การเสียน้ำตา…รู้ไหมว่ามันเจ็บปวดสักเพียงไหน
ปฏิเสธความหวังดี…เว้นวรรคมาหลายปีเรื่องหัวใจ
แล้วเธอวิเศษมาจากไหน?
ถึงทำให้หัวใจอ่อนไหวได้อีกครา
แม้ไม่ใช่แบบที่ชอบในตอนเริ่มต้น
แต่เธอคือใครบางคน…ที่ฟ้าเบื้องบนสั่งให้หา
เหมือนด้ายแดงสั้นลงดั่งที่คอยตลอดมา
ขอบคุณทุกช่วงเวลา….ที่เหวี่ยงเธอมา “ไขกุญแจหัวใจ”

การเดินทางของความรักเหมือนเข็มนาฬิกา

เป็นความจงใจของเวลา
ที่อยากบอกความหมายอย่างนั้น
การที่เข็มสั้น ~ เข็มยาว
เดินทางมาบรรจบกัน
เหมือนการที่คนสองคน ~ จากบรรดาคนนับล้าน
เดินทางมาพบและผูกพัน
ในช่วงเวลาที่ลงตัวพอดี
พอใจแล้ว…ที่ “มีเธอ”
ร่วมเดินบนถนนสายหัวใจ
ก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยรักใคร…จึงไม่คิดไขปริศนานี้
และหากความรักจะเป็นเหมือนเข็มนาฬิกา…ที่มาบรรจบกันแค่เพียงนาที
หากเวลาข้างหน้า….จะเหลือแค่ความทรงจำที่มี
ฉันก็จะจำเธอในแบบวันนี้….ตลอดไป

ตายแล้วไปไหน

ถามแม่ว่า…
คนเราตายแล้วไปไหน
แม่บอกว่า ตายแล้ว
เราจะไปอยู่ในความทรงจำ
ของคนที่รักเรา


อ่านต่อ: http://www.klonthai.com/tag/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81#ixzz0vBik851X

คําคมโดนๆ คําคมกวนๆ สถานะโดนๆ

ถ้ามัวแต่หาเตียงที่ดีที่สุด ค่ำนี้ก็คงไม่ได้นอน .. ถ้ามัวแต่หาร้านที่อร่อยที่สุด มื้อนี้คงไม่มีอะไรตกถึงท้อง ..
ถ้ามัวแต่ตามหาคนที่ดีที่สุด ชีวิตนี้ก็คงต้องอยู่คนเดียว...
เพราะความรักใช้ "หัวใจ" เป็นตัวชี้วัด จึงไม่สามารถตัดสินว่าใครที่ดีที่สุด..
ที่ทำได้ก็คือหาคนที่ "ใช่ที่สุด" ที่เราพร้อมจะ "หยุด" การตามหาไว้ที่เขาคนเดียว ^o^

อากาศหนาวคิดมุขไม่ออก มีแต่มุขกากๆ
เพราะเวลาหยอดมุขตอนหนาวๆเนี้ยะ ต้อง
"หยอดให้กาก" ....... เพราะมัน " อยากให้กอด"

ความรักคือการ "เกื้อกูล" ไม่ใช่ "ก้าวก่าย"
ความรักต้องมีการ "มอบให้" ไม่ใช่แค่ "เรียกหา"
ความรักต้องมีการ "ให้ไป" ถึงจะ "ได้มา"
ความรักต้องใช้ "เวลา" ไม่ใช่แค่ "นาฬิกา" ที่ซื้อให้กัน

ความรู้ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "รู้อย่างนี้"...
ความคิดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะทำ"...
คำพูดที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ "น่าจะพูด"...
สำหรับความรักแล้ว คำว่า "น่าเสียดาย" มันอาจจะน้อยเกินไป...
เมื่อนึกย้อนไปคิดถึงสิ่งที่เราอยากจะ.. คิด.. ทำ ..หรือพูดอะไรออกไป.. แต่ไม่ได้ทำมัน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. ถ้าโอกาสนั้นมีเพียงแค่ครั้งเดียว
ความรักต้องทำให้โลกเราสองคน "กว้างขึ้น" ไม่ใช่ "แคบลง"...
ความรักมีอีก "หลายคน" ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ใช่แค่ "เธอกับฉัน"...
ความรักไม่ใช่แค่ "ไว้ใจ" แต่ต้อง "ซื่อสัตย์" ต่อกันและกัน...
ความรักคือการ "หมุนรอบกัน" ไม่ใช่ให้ "เธอหมุนรอบฉัน" หรือให้ "ฉันหมุนรอบใคร"...^^

จงบินให้สูงกว่าที่คิด เพราะชีวิตสั้นกว่าที่หวัง
จงพูดให้น้อยกว่าที่ฟัง และทำให้มากกว่าที่พูด
จงรักให้น้อยกว่าที่รักเพราะอาจอกหักใจสลาย
จงดีให้มากกว่าที่ร้าย และอภัยให้มากกว่าที่ชัง
จงกลัวให้น้อยกว่าที่กล้า และศรัทธาให้มากกว่าที่เห็น

แม่เคยสอนว่า...ถ้ามีคนจับ"หน้าอก"..ให้บอกว่า "อย่า"!...ถ้ามีคนจับข้างล่าง ให้บอกว่า"หยุด"!
...แล้วถ้าจับพร้อมกันละ?!.. อันนี้แม่ไม่ได้บอก! แต่หนูคิดเอาเองว่า"อย่าหยุด อย่าหยุด"!!! 555^^"

การคาดหวังก็เหมือนกับการเอา.."กะละมัง"..ไปรองรับไวน์ชั้นเลิศราคาแพงนั่นแหละ!!..
ต่อให้ไวน์นั้นมีราคาสูงสักขนาดไหน..แต่ด้วยปริมาณที่มองเห็นว่า "น้อยเกินไป" ย่อมทำให้เราไม่เห็นถึงคุณค่าของมัน...
ความรักก็เช่นกัน... ถ้าเราตั้งความหวังจากคนที่เรารักมากเกินไป... เราก็จะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำ ...
ไม่ต้องไปนับไปจำหรอกว่าเขาให้เราได้เท่าไหร่!!... ขอแค่ทุกอย่างที่เขาให้ ล้วนออกมาจาก "ใจ" ก็เพียงพอแล้ว...~
เรือถ้าผูกไว้กับฝั่งก็จะไม่อับปาง...แต่เรือไม่ได้ถูกสร้างเพื่อเทียบท่าเฉยๆ...
เรือที่ดีต้องนำพาผู้โดยสารฝ่าฟันคลื่นลมไปถึงฝั่งอย่างปลอดภัย...
ความรักก็เช่นกัน...เราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ด้วยกันตลอดเวลา...
คนรักที่ดีก็คือ..คนที่มีความมั่นคงในรัก...
แม้จะไม่ได้อยู่ข้างกันก็ไม่แบ่งปันหัวใจไปให้ใครอื่น... นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ^^
"รักสามเส้า"...ก็คือความเศร้าจากราคะสามหน่วยนั่นแหละ...
ปฐมเหตุแห่งการมีรักสามเส้าคือ...ความใจอ่อน .. ไม่เด็ดเดี่ยวในการเลือก...ไม่เด็ดขาดในการปฏิเสธ...
ปล่อยให้เริ่มต้นง่ายๆ แล้วปล่อยให้เลยตามเลย...จนมาถึงจุดที่อ้างได้ว่าสายเกินไป! ตัดใจไม่ได้สักทาง!!!.....~
ฉันพิสูจน์แล้วว่า "เฟคบุ๊ค" ต่างกับ "เธอ" ตรงที่...
"เฟคบุ๊ค" ส่งคำขอเป็น < เพื่อน > "ฉันยินดีที่จะรับ"
แต่ "เธอ" ส่งคำขอเป็น < เพื่อน > "ฉันรับไม่ได้จิงๆ" T__T...ทำไมไม่ส่งคำขอเป็นแฟนน่ะ หึหึ!!